top of page

Nissan GT-R : แต่งหน้าทาปากใหม่ให้ Godzilla

ถ้าลองให้นั่งไล่นับชื่อรถสปอร์ตจากญี่ปุ่นที่ได้รับการยอมรับในแวดวงรถยนต์ระดับนานาชาติ เชื่อเถอะว่ายกขึ้นมาแค่มือเดียวกเหลือเฟือแล้ว เพราะแทบจะนับรุ่นได้ และแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมีชื่อของ GT-Rรวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน GT-Rของ Nissanได้รับการยอมรับจากนักขับจากทั่วโลกมาตั้งแต่สมัยที่มันยังเป็นส่วนหนึ่งของสายพันธุ์ Skylineนับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกในรหัส R32 ในฐานะ Top of the lineของ Skylineตัวถังคูเป้ จนกระทั่งฝรั่งให้ฉายากับสมรรถนะและพลังที่อยู่ในตัวมันว่า Godzilla แน่นอนว่าเมื่อวันเวลาเปลี่ยนไป แต่ความนิยมและความหวังของนักขับที่มีต่อ GT-Rยังไม่เปลี่ยนแปลง และการกลับมาทำตลาดอีกครั้งด้วยรหัส R35เมื่อปี 2007ก็ถือว่าเป็นตัสจุดประกายความหวังของนักขับที่จะได้สัมผัสกับสปอร์ตญี่ปุ่นที่มีสมรรถนะเทียบเท่าผลผลิตจากยุโรปอย่าง Porsche 911 GT-Rเคยได้รับการปรับโฉม หรือไมเนอร์เชนจ์ไปครั้งหนึ่งแล้วเมื่อปี 2011แต่ดูเหมือนว่านั่นจะยังไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่เห็นผลชัดเจนมากเท่ากับครั้งปัจจุบันที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และ Nissanได้จัดการทำให้ GT-Rใหม่ที่เป็น Big Minorchangeและแปะป้ายในการทำตลาดว่า MY 2017หรือ Model Year 2017 ได้มีความแตกต่างอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่มีหน้าตาเท่านั้นที่เปลี่ยนไป เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนปรับโฉมกับเวอร์ชันใหม่ที่เห็นอยู่นสี้เราจะพบกับีความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนที่เกิดขึ้นบนตัวถังของ GT-Rใหม่ MY 2017 ด้านหน้ามีการนำกลิ่นอายของ V-motion grille มาใช้งาน ซึ่งนั่นสนับสนุนคำพูดของ มร. ชิโระ นาคามูระ ผู้รับผิดชอบงานออกแบบ GT-R ใหม่ว่า เจนเนอเรชั่นใหม่ของ GT-R ในอนาคตจะมีงานออกแบบด้านหน้าบางส่วนที่ นำมาจากต้นแบบ Nissan 2020 Vision Gran Turismo Concept กันชนหน้า ชายล่าง ช่องรับอากาศ และกรอบไฟ LED daytime สำหรับวิ่งกลางวันออกแบบใหม่หมด รวมถึงฝากระโปรงทั้งชิ้น ชายล่างด้านข้าง และช่องระบายอากาศด้านข้างออกแบบให้อากาศไหลผ่านได้ดีขึ้น ล้ออลูมิเนียมน้ำหนักเบาลายใหม่แบบ Y-Spoke ขึ้นรูปแบบฟอร์จ ขนาด 20 นิ้ว มีสีภายนอกใหม่ Blaze Metallic เพิ่มให้ 1 สี ใช้เทคนิคการพ่นสีแบบหลายชั้น ตัวรถยังคงสไตล์ในแบบคูเป้ 2+2ที่นั่งที่มาพร้อมกับความยาวในระดับ 4,710มิลลิเมตร กว้าง 1,895มิลลิเมตร สูง 1,370มิลลิเมตร และระยะฐาทนล้อ 2,780มิลลิเมตร โดยที่ตัวรถมีความเพรียวลมด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน หรือ Cdอยู่ที่ 0.26 ส่วนชิ้นส่วนที่มีการปรับเปลี่ยนไม่ว่าจะเป็นบรรดาชายด้านล่างของกันชนหน้า หรือ สปอยเลอร์หลัง และ Diffuserหลังต่างส่งผลต่อการสร้างแรงกดที่เกิดขึ้นบนตัวถัง เพื่อทำให้ตัวรถมีการทรงตัวที่ดีในย่านความเร็วสูง เสริมความหล่อด้วยล้อแม็กขนาด 20นิ้ว สำหรับในห้องบโดยสารมีการตกแต่งใหม่ภายใต้แนวคิดHorizontal Flowใช้หนัง Nappa หุ้มแผงแดชบอร์ด เบาะคู่หน้าออกแบบใหม่ ให้เหมาะสมกับหลักสรีระศาสตร์มากขึ้น ชุดควบคุมระบบนำทางและระบบเครื่องเสียงถูกจับควบรวมเอาไว้ด้วยกัน เพื่อลดความยุ่งเหยิงในการใช้งาน สวิทช์ควบคุมการทำงานลดลงจาก 27 จุดเหลือ 11 จุด จอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้วถูกแทนที่ด้วยจอใหม่ความละเอียดสูงขนาด 8 นิ้ว ไอคอนต่างๆ ถูกออกแบบใหม่ให้ชัดเจนและใหญ่ขึ้น ส่วนแป้น Paddle Shift ได้รับการยึดเอาไว้ด้านหลังพวงมาลัย ช่วยให้ผู้ขับเลือกเปลี่ยนเกียร์ได้ง่ายขึ้นในจังหวะที่หมุนพวงมาลัยครึ่งรอบ นอกจากการเปลี่ยนแปลงที่รูปลักษณ์ด้านหน้าแล้ว เครื่องยนต์เบนซินในรหัส VR38DETTยังมีการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน มีกำลังเพิ่มขึ้นจากเดิม 20แรงม้า เป็น 565 แรงม้า ที่ 6,800 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดที่เพิ่มขึ้นอีก 0.6 กก.-ม.เป็น 64.5 กก.-ม. ที่ 3,300-5,800รอบ/นาที อันเป็นผลมาจากการอัพเกรดซอฟท์แวร์ควบคุมระยะเวลาในการจุดระเบิดของแต่ละกระบอกสูบแยกจากกัน พร้อมเพิ่มบูสต์เทอร์โบ ตรงนี้ส่งผลให้การตอบสนองในช่วงรอบปานกลางดีขึ้น (3,200 รอบ/นาทีขึ้นไป) ส่วนระบบส่งกำลังแบบคลัตช์คู่ 6 จังหวะ มีการปรับปรุงการทำงานให้ราบรื่นขึ้น และมีเสียงรบกวนน้อยลง นอกจากนี้เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์จะให้ความรู้สึกที่ดุดันขึ้น จากการปรับปรุงพักท้ายไทเทเนียม และการทำงานของระบบเสียงสังเคราะห์ ASE - Active Sound Enhancement ในห้องโดยสาร เรียกว่าใครที่กำลังเฝ้ารอการกลับมาของ Godzillaตัวเดิม แต่ได้รับการแต่งหน้าทาปากใหม่ และติดเขี้ยวเล็บให้ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิม งานนี้ต้องไม่พลาดด้วยประการทั้งปวง โดย Nissanจะเริ่มทำตลาดให้กับ GT-R MY 2017 ในสหรัฐอเมริกาในช่วงปลายปีนี้

bottom of page