ท่องเที่ยวกรีซ (Gecce)
ดินแดนที่ทุกย่างก้าวของคุณจะได้สัมผัสอารยธรรมโบราณของโลกที่ทั้งพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชและอาณาจักรโรมันได้นำออกเผยแพร่ไปทั่วโลก ทุกวันนี้ผู้คนอาจไม่ได้เดินทางไปกรีซเพียงเพื่อชื่นชมอารยธรรมเก่าแก่เท่านั้น แต่ด้วยบรรยากาศของเกาะเล็กใหญ่ในทะเลอีเจียนนั้นเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่ทำให้ผู้คนหลงใหลและใฝ่ฝันที่จะไปเยือนสักครั้งในชีวิต
เอาล่ะ…ไหนๆ บอกไปว่าเกาะ Delos เป็นศูนย์กลางของหมู่เกาะซีคาเดสแล้ว เราก็เริ่มเที่ยวที่เกาะ Delos กันเลยดีกว่า แต่เนื่องจากเกาะ Delos เป็นเกาะศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องรักษาไว้ให้บริสุทธิ์โดยไม่ให้มีคนเกิดและตายที่นั่น จึงไม่ยอมอนุญาตให้ใครขึ้นพักบนเกาะนี้…งงแล้วละสิ ผู้เขียนก็งงเหมือนกันเพราะตำนานกับเรื่องจริงมันปนเปกันไปหมด คือตามตำนานว่าไว้อย่างนั้น แต่จริงๆ แล้วเกาะ Delos (เป็นหนึ่งในมรดกโลกของประเทศนี้) ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งไปทั้งเกาะเรียบร้อยแล้ว ทุกวันนี้จึงไม่ให้ใครค้างอ้างแรมบนเกาะนี้ก่อนได้รับอนุญาต
ดังนั้นถ้าจะมาเกาะ Delos ต้องไปเริ่มต้นที่การเดินทางไปสู่เกาะ Mykonos เสียก่อน ใช่แล้ว…เกาะแสนกิ๊บเก๋ ที่มีนกพีลิแกนเป็นสัญลักษณ์สำคัญ และมีกังหันลมยืนเรียงรายต้อนรับอยู่บนเนินเขา บริเวณท่าเรือเก่า (Old Port) จะมีเรือออกไปเกาะ Delos ในทุกเช้า (ยกเว้นวันที่อากาศไม่ดี) สามารถซื้อตั๋วได้ที่ท่าเรือเลย หรือจากบริษัทท่องเที่ยวที่อยู่บริเวณท่าเรือ แม้จะเป็นระยะทางใกล้ แต่คลื่นลมมักแรงเสมอ ควรติดขนมและน้ำไปบ้าง เพราะบนเกาะ Delos ซึ่งเป็นซากปรักหักพังของอารยธรรมที่รุ่งเรืองเมื่อ 2,000 ปีที่แล้วไม่มีอะไรขายเลย ไฮไลต์ของเกาะ Delos เห็นจะเป็นรูปปั้นสิงโตที่ยืนเรียงรายกัน และเซรามิกปูพื้นด้านหน้าที่ค่อนข้างสมบูรณ์ ที่นี่จะเห็นได้ว่าบ้านเรือนของคนรวยเมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว
เมื่อเรือกลับมาถึงเกาะ Mykonos ประมาณบ่ายนิดๆ (เวลาอาหารกลางวันของเขา) เหมือนชีวิตบนเกาะ Mykonos จะเริ่มต้นกันในเวลานั้น ตามซอกซอยในเมือง Chora ที่แคบเล็กและคดเคี้ยวไปมาเหมือนเขาวงกตในเมืองเริ่มมีผู้คนออกมาเดินเล่น ร้านค้าร้านอาหารน่ารักๆ ต่างเผยโฉมออกมาสร้างเสน่ห์ให้แวะเยี่ยมชมกันมากมาย
ด้วยเหตุที่คลื่นลมพัดแรงนี่เองทำให้ชาวเกาะ Cyclades ต้องสร้างบ้านบนเกาะเป็นทรงลูกบาศก์สีขาวไม่มีหลังคา และบ้านเรือนก็ต้องเบียดชิดกันเพื่อกันลมให้แก่กัน ทำให้ทางเดินในเมืองเป็นเพียงทางเดินเล็กๆ ไม่กี่เมตร บ้านเรือนลูกบาศก์สีขาวที่ประตูหน้าต่างทาสีสดใสลดหลั่นกันตามเนินเขา จึงกลายเป็นเอกลักษณ์สำคัญของบ้านเรือนบนหมู่เกาะซีคา-เดส ซึ่งคุณไม่ควรพลาดที่จะแวะพักที่นี่สัก 1-2 คืน เพื่อดื่มด่ำชีวิตชาวเกาะสักครั้ง
ช่วงยามเย็นอย่าลืมเดินมายังบริเวณ Little Venice (เวิ้งอ่าวที่สามารถเห็นกังหันลมเรียงราย) บริเวณนี้เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกของเกาะ จึงคับคั่งไปด้วยผู้คนและเมื่อพระอาทิตย์ลับตาไปแล้ว ผับบาร์เก๋ๆ บริเวณ Little Venice จะครึกครื้นด้วยเสียงเพลงเร้าใจ และทั้งเมืองดูมีชีวิตชีวาขึ้นในยามค่ำ แกลเลอรีหรือพิพิธภัณฑ์ที่ปิดประตูตอนกลางวัน กลางคืนกลับเปิดให้ผู้คนเข้าชม มันช่างเป็นเกาะของคนกลางคืนจริงๆ
ส่วนอีกเกาะที่พลาดไม่ได้คือเกาะรูปพระจันทร์เสี้ยว Santorini เกาะนี้อยู่ทางใต้สุดของหมู่เกาะ Cyclades แค่ภูมิประเทศของเกาะก็มีความมหัศจรรย์แล้ว นั่นเพราะเป็นเกาะที่แตกตัวจากการระเบิดของภูเขาไฟ ทำให้บ้านเรือนสีขาวต้องตั้งเรียงรายอยู่บนที่สูงเหนือชั้นลาวาที่ทับถมกัน มองไกลๆ เหมือนขนมเค้กที่มีครีมสีขาวราดอยู่ด้านบน หากมองออกไปจากเกาะ จะเห็นทะเลสีฟ้าสดสงบนิ่ง และเกาะ Nea Kameni เกาะภูเขาไฟที่ยังมีปล่องภูเขาไฟที่ยังระอุอยู่
ที่ Fira เมืองท่าของเกาะ มีร้านค้า ร้านอาหารและร้านกาแฟเก๋ๆ ให้นั่งหลายร้าน คุณอาจสนุกสนานเพลิดเพลินได้ทั้งวัน บางคณะทัวร์อาจปล่อยคุณไว้ที่นี่โดยไม่บอกว่าความสวยแท้ๆ ของเกาะ Santorini อยู่ที่หมู่บ้าน Oia (เอีย) โบสถ์โดมหลังคาสีฟ้า ที่อยู่ในโปสการ์ดและปกหนังสือท่องเที่ยวต่างๆ ล้วนแล้วแต่ถ่ายจากหมู่บ้าน Oia
ในยามเย็นผู้คนจะไปจับจองพื้นที่บนป้อมเก่า และบริเวณใกล้เคียงเพื่อชมการแสดงของพระอาทิตย์อัสดง ในขณะที่ทางเดินเล็กๆ ซอกแซกไปตามมุมของบ้านเรือนร้านค้า โรงแรม สี-พาสเทลและสีขาวทรงถ้ำ จะชวนให้คุณเพลิดเพลินใจได้จนลืมวันเวลา ยิ่งเป็นคู่รักหวานชื่น “ที่นี่...ใช่เลย” สามารถเติมเต็มบรรยากาศสุดโรมานซ์ให้คุณได้ เพราะที่หมู่บ้าน Oia นี้คุณจะได้เห็นภาพของเกาะกรีซที่คุณอยากเห็นอย่างแท้จริง
มาที่นี่คุณไม่ต้องมีฝีมือในการถ่ายรูป แต่คุณจะได้ภาพอย่างโปสการ์ดกลับไปแทบทุกรูป อย่างนี้คงไม่ไปไม่ได้แล้วล่ะ